ประวัติส่วนตัว

นางสาว สาวิณี สุขแก้ว เลขที่ 46
หนังสือ เปลี่ยนมุมความคิดด้วยจิตวิทยาภาคพิสดาร
กลุ่มเรียน วันพุธเช้า

Sunday, October 11, 2015

วิธีการ2จาก4: จับโกหกจากภาษากายที่ผิดปกติ

จับโกหกจากภาษากายที่ผิดปกติ



22309 5 1
1
ดูอาการเหงื่อออก. คนเรามักเหงื่อออกมากขึ้นถ้ากำลังโกหก การวัดปริมาณเหงื่อนั้นเป็นวิธีการที่เครื่องจับเท็จ (ที่เห็นกันบ่อยๆ ในหนัง) ตรวจจับการโกหก  แต่ก็เหมือนเดิมอีกนั่นแหละ การดูเหงื่อเพียงอย่างเดียวไม่ได้เป็นวิธีสังเกตการโกหกที่น่าเชื่อถือเสมอไป บางคนจะเหงื่อออกมากขึ้นถ้ารู้สึกเครียด อาย หรือมีโรคที่ทำให้เหงื่อออกมากขึ้น จึงต้องใช้วิธีนี้ประกอบกับการสังเกตกลุ่มอาการอื่นๆ ด้วย เช่น ตัวสั่น หน้าแดง กลืนน้ำลายยาก




22309 6
2
ดูการพยักหน้า. คนที่พยักหน้าหรือส่ายหัวในทางที่ตรงข้ามกับสิ่งที่ตัวเองกำลังพูดอยู่อาจกำลังส่งสัญญาณโกหกอยู่ อาการแบบนี้เรียกว่า “ความไม่สัมพันธ์กัน”
  • ตัวอย่างเช่น คนคนหนึ่งอาจบอกว่าเขาทำอะไรสักอย่าง เช่น “ฉันล้างหม้อทุกใบสะอาดเอี่ยมอ่องแล้ว”แต่ก็ส่ายหัวไปด้วย อาจเปิดเผยว่าเขาแค่ถูๆ ไปอย่างนั้น ไม่ได้ขัดหม้อให้สะอาดจริง ข้อผิดพลาดที่อาจทำโดยไม่รู้ตัวนี้เกิดขึ้นได้ง่ายมาก เว้นแต่ว่าคนคนนั้นจะได้รับการฝึกมาอย่างดี เพราะว่าการตอบสนองทางกายมักเป็นสิ่งที่ซื่อตรงเสมอ 
  • คนโกหกอาจลังเลก่อนที่จะพยักหน้าให้คำตอบก็ได้ แต่คนที่ซื่อสัตย์จะพยักหน้าเพื่อยืนยันคำตอบหรือคำพูดของคน “ในทันที” ที่ให้คำตอบ ดังนั้นเมื่อคนกำลังจะโกหก การพยักหน้าอาจตามมาทีหลัง[1]


22309 7 1
3
ดูอาการอยู่ไม่สุข. อีกสัญญาณของการโกหกคือ คนโกหกจะอยู่ไม่ค่อยนิ่ง ไม่ว่ากับร่างกายตัวเองหรือกับสิ่งของรอบตัวก็ตาม อาการกระสับกระส่ายแบบนี้เป็นผลของพลังงานความเครียดที่มาจากความกลัวการโดนจับได้ เพื่อระบายพลังงานความเครียด พวกเขาจึงมักจะอยู่ไม่สุขกับเก้าอี้ ผ้าเช็ดหน้า หรือร่างกายตัวเอง



22309 8
4
สังเกตการเลียนแบบท่าทาง. คนเราจะเลียนแบบกริยาอาการของคู่สนทนาตามธรรมชาติ มันเป็นวิธีแสดงออกมิตรภาพและความสนใจ เมื่อโกหก คนจึงเลียนแบบท่าทางน้อยลง เพราะคนโกหกจะมัวแต่จดจ่อกับการสร้างความจริงอีกชุดหนึ่งให้คนฟัง ตัวอย่างการเลียนแบบท่าทางที่ล้มเหลวบางอย่างนี้อาจะเป็นสัญญาณส่อพิรุธ:
  • การเอนตัวออกห่าง เมื่อคนพูดความจริงหรือไม่มีอะไรต้องปิดบัง เขามักจะโน้มตัวเข้าหาผู้ฟัง ในทางตรงข้าม คนโกหกมีความเป็นไปได้ว่าจะเอนตัวไปข้างหลังมากกว่า เป็นสัญญาณว่าไม่ต้องการบอกรายละเอียดอะไรมากเกินจำเป็น [4] การเอนตัวออกห่างยังบอกถึงความเกลียดชัง และความเบื่อหน่ายด้วย อาการนี้บอกว่าคนคนหนึ่งต้องการจะปลีกตัวออกจากสถานการณ์ที่กำลังเจออยู่
  • สำหรับคนพูดจริง ศีรษะหรือร่างกายจะเคลื่อนไหวเลียนแบบ เพื่อแสดงปฏิกิริยาตอบสนองระหว่างผู้พูดและผู้ฟัง คนที่พยายามหลอกลวงผู้อื่นอาจลังเลที่จะเลียนแบบท่าทางหรือการเคลื่อนไหวของศีรษะ แสดงถึงความพยายามปกปิด คุณอาจสังเกตเห็นการขยับมือเปลี่ยนท่าทางหรือหันไปยังอีกทิศทางที่ต่างกันโดยเจตนา


22309 10
5
สังเกตที่ลำคอ. ระหว่างโกหก คนจะชอบพยายามทำให้คอชุ่มชื่นโดยกลืนน้ำลายหรือกระแอมบ่อยๆ การโกหกทำให้อะดรีนาลีนในร่างกายเพิ่มขึ้น ทำให้ผลิตน้ำลายมากขึ้นในทีแรก และผลิตน้อยลงอย่างมากในภายหลัง ในขณะที่น้ำลายมากขึ้น เขาอาจจะกลืนลงคอ แต่เมื่อร่างกายผลิตน้ำลายน้อยลง เขาอาจจะเปลี่ยนไปกระแอมแทน

22309 11
6
สังเกตการหายใจ. คนโกหกจะหายใจเร็วขึ้น ลักษณะการหายใจมักเป็นการหายใจสั้นๆ หลายครั้ง ตามด้วยการหายใจลึกๆ 1 ครั้ง ปากอาจแห้ง (ทำให้กระแอมบ่อยขึ้น) สาเหตุก็คือพวกเขากำลังทำให้ร่างกายได้รับความเครียดเช่นเคย ทำให้หัวใจเต้นแรงขึ้น และปอดต้องการอากาศมากขึ้น



22309 12
7
สังเกตภาษากายส่วนอื่นๆ. คอยดูมือ แขน และขาไว้ ในสถานการณ์ที่ไม่เครียด คนเรามักจะปล่อยตัวตามสบาย ออกท่าทางเคลื่อนไหวมือและแขนเยอะ และอาจจะกางขาสบายๆ แต่ในกรณีของคนโกหก ร่างกายส่วนต่างๆ เหล่านี้จะเคลื่อนไหวอย่างจำกัด แข็งทื่อ และจงใจ เขาอาจจะจับใบหน้า หู หรือหลังคอ อาจจะกอดอก ไขว้ขา มือเคลื่อนไหวน้อยมาก เป็นสัญญาณบอกว่าไม่อยากเปิดเผยข้อมูล
  • คนโกหกมักเลี่ยงการเคลื่อนไหวมือแบบที่เราคิดว่าคนปกติทำกันในขณะพูดคุย ด้วยความระมักระวังตัว คนโกหกส่วนใหญ่จะเลี่ยงการชี้นิ้ว เปิดฝ่ามือออกให้ฝ่ายตรงข้ามเห็น เคาะนิ้ว (การจรดปลายนิ้วเข้าหากันให้คล้ายรูปสามเหลี่ยมเชื่อมโยงกับการพูดในสิ่งที่คิด) ฯลฯ
  • ดูข้อนิ้ว คนโกหกที่ทำตัวนิ่งๆ อาจเกาะขอบเก้าอี้หรือกำสิ่งของในมือจนข้อนิ้วขาวโดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ 
  • การจัดเสื้อผ้าหน้าผมก็เป็นสัญญาณโกหกที่พบได้บ่อย เช่นคนที่เล่นผม จัดเนกไท หรือขยับปลายแขนเสื้อเชิ้ตไปมา 
  • ข้อควรระวังสองข้อ คือ
    • คนโกหกอาจจงใจนั่งงอตัวเพื่อให้ดู “สบายๆ” การหาวและแสดงท่าทางเบื่อหน่ายอาจเป็นสัญญาณของคนที่พยายามจะแสดงท่าทางปกติในสถานการณ์ต่างๆ เพื่อที่จะปกปิดการหลอกลวงได้ แค่เพียงเพราะพวกเขาดูผ่อนคลายไม่ได้แปลว่าพวกเขาไม่ได้โกหกอยู่
    • ให้จำไว้ว่า สัญญาณเหล่านี้อาจเป็นเพียงสัญญาณของความเครียดอย่างเดียว ไม่ใช่สัญญาณของการโกหก ในอีกทางหนึ่ง คู่สนทนาที่กำลังโกหกก็ไม่จำเป็นต้องดูเครียดเสมอไป

ที่มา

No comments:

Post a Comment